วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ข้อแนะนำในการกู้เงินเพื่อการซื้อบ้าน#4

2) หลักฐานเกี่ยวกับรายได้ ได้แก่
ก. ผู้มีรายได้ประจำ
- ใบรับรองเงินเดือน หรือหลักฐานการรับ/จ่ายเงินเดือนจากนายจ้าง
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
ข. ผู้มีอาชีพอิสระ
- สำเนาทะเบียนการค้า หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
- บัญชีเงินฝาก พร้อม statement บัญชีเงินฝากกระแสรายวันย้อนหลัง 6 เดือน
- หลักฐานรายได้หรือทรัพย์สินอื่นๆ
3) หลักฐานเกี่ยวกับหลักทรัพย์และการซื้อขาย
- สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด
- แผนที่แสดงทำเลที่ตั้งของที่ดินหลักประกัน
- สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ
- ถ้าเป็นการซื้อห้องชุด ต้องมีสำเนาหนังสือสำคัญการจดทะเบียนอาคารชุด
- รายละเอียดทรัพย์ส่วนบุคคล และทรัพย์ส่วนกลาง
4) หลักฐานอื่นๆ
กรณีขอกู้เพื่อการปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร ต้องมี
- แบบก่อสร้างอาคาร
- หนังสืออนุญาตปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร
- หนังสือสัญญาจ้างปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร
กรณีกู้เพื่อไถ่ถอนจำนอง ต้องมี
- สัญญากู้เงิน และสัญญาจำนองจากสถาบันการเงินเดิม
- statement การผ่อนชำระค่างวด ใน 6 เดือนสุดท้าย
กรณีมีผู้กู้ร่วม
จะต้องมีหลักฐานส่วนตัว และหลักฐานรายได้ของผู้กู้ร่วมด้วย โดยปกติ ผู้ขอกู้จะต้องเตรียมหลักฐานต่างๆดังกล่าว
โดยครบถ้วนในวันยื่นกู้หากไม่ครบ เจ้าหน้าที่อาจจะไม่รับเรื่อง หรืออาจรับเรื่องไว้และให้ผู้ขอกู้นำหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม
ซึ่งผู้ขอกู้ควรจะนำมาให้เจ้าหน้าที่ภายใน 3 วัน เพื่อจะไม่ทำให้การวิเคราะห์และอนุมัติกู้ล่าช้าออกไป
ขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อ


1. ยื่นคำขอสินเชื่อที่สาขาของธนาคารสาขาใดก็ได้ที่ท่านสะดวกที่สุด
เจ้าหน้าที่ธนาคารจะพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้นจากข้อมูลของท่าน เช่น รายได้ ค่าใช้จ่ายครอบครัว หนี้สินอื่นๆ เพื่อประมาณความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ ท่านสามารถรับทราบผลการพิจารณาสินเชื่อในเบื้องต้น ณ วันที่ท่านยื่นคำขอสินเชื่อ ธนาคารจะพิจารณาวงเงินกู้จากราคาประเมินของหลักประกัน เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาแจ้งผลอนุมัติสินเชื่อ ท่านควรยื่นเอกสารประกอบการขอสินเชื่อให้ครบถ้วน
2. เจ้าหน้าที่สาขาธนาคารจะส่งใบคำขอสินเชื่อของท่านพร้อมเอกสารประกอบคำขอสินเชื่อไปที่ศูนย์สินเชื่ออุปโภคบริโภค เพื่อพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
โดยพิจารณา
ก. วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ
ข. คุณสมบัติผู้ขอกู้
ค. ความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อ
ง. ประเภทและมูลค่าของหลักประกัน
3. การนัดหมายเพื่อประเมินหลักประกัน
เจ้าหน้าที่ของธนาคารจะติดต่อท่านเพื่อนัดหมายเข้าไปประเมินมูลค่าหลักประกัน ตามวันและเวลาที่ท่านสะดวก โดยทั่วไปเจ้าหน้าที่ส่วนประเมินหลักทรัพย์จะติดต่อท่านภายใน7 วันทำการหลังจากที่ท่านได้ยื่นใบคำขอสินเชื่อที่สาขา
4. ธนาคารจะติดต่อและแจ้งผลการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้ท่านทราบ ภายใน 14 วันทำการ นับจากวันที่ลูกค้ายื่นใบคำขอสินเชื่อ เพื่อเตรียมนัดวันทำสัญญา
5. หากท่านได้รับอนุมัติสินเชื่อ ธนาคารจะนัดหมายท่าน
เพื่อทำสัญญากู้เงิน สัญญาจดจำนอง ณ.กรมที่ดินในเขตท้องที่ที่โฉนดที่ดิน หรือ หลักประกันจดทะเบียนไว้ กรณีมีผู้กู้ร่วม หรือผู้ค้ำประกัน ท่านควรจะต้องนัดหมายให้บุคคลเหล่านั้นมาร่วมลงนามในสัญญาทุกฉบับ
6. ท่านควรเตรียมค่าใช้จ่ายที่เตรียมในวันทำสัญญาเงินกู้
คือ ค่าจดจำนอง ค่าเบี้ยประกันคุ้มครองเครดิต ค่าเบี้ยประกันภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งในวันที่นัดหมาย

หมายเหตุ: ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น เป็นข้อมูลทั่วไปอย่างกว้างๆ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ ธนาคารทุกสาขา


แหล่งที่มา : ธนาคารกรุงเทพ

ไม่มีความคิดเห็น: